หน้าหลัก
กันยายน 27, 2025 105 2


องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่ามีประชากรมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกที่กำลังเผชิญ

                ภาวะความผิดปกติทางสุขภาพจิต โดยเฉพาะความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางมนุษยธรรมและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แม้ว่าหลายประเทศจะมีการพัฒนานโยบายและโครงการด้านสุขภาพจิตมากขึ้น แต่การเพิ่มการดำเนินการในด้านต่างๆ ไปจนถึงการลงทุนที่จำเป็นเพื่อขยายบริการ ปกป้อง และส่งเสริมสุขภาวะทางจิตของประชาชนทั่วโลก

ความชุกและผลกระทบ

                ภาวะสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวลและซึมเศร้า พบได้ในทุกประเทศและชุมชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกเพศทุกวัยและทุกระดับรายได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นสาเหตุอันดับสองของความพิการระยะยาว และทำให้สูญเสียคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลทั้งในระดับบุคคลและครอบครัว และก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจในระดับโลก

                รายงาน World Mental Health Today และ Mental Health Atlas 2024 ชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าในบางประเด็น และแสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่สำคัญต่อการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตทั่วโลก ข้อมูลเหล่านี้เป็นฐานเชิงนโยบายเพื่อเตรียมการประชุมสุดยอดของสหประชาชาติ ว่าด้วยโรคไม่ติดต่อและการส่งเสริมสุขภาพจิตที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 กันยายน พศ.2568 ณ นครนิวยอร์ก

                Dr. Tedros Adhanom Ghebreyesus ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า “การปฏิรูประบบบริการสุขภาพจิตเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสาธารณสุขที่เร่งด่วนที่สุด การลงทุนในสุขภาพจิต คือ การลงทุนในประชาชน ชุมชน และเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการลงทุนที่ไม่มีประเทศใดสามารถเพิกเฉยได้ รัฐบาลและผู้นำทั้งหลายมีหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อทำให้แน่ใจว่าการดูแลสุขภาพจิตไม่ใช่สิทธิพิเศษ แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน”

ประเด็นสำคัญจากรายงาน World Mental Health Today

            • แม้ว่าความชุกของโรคทางจิตเวชต่างๆนั้นอาจมีความแตกต่างได้ตามเพศ แต่ผู้หญิงได้รับผลกระทบจากภาวะผิดปกติทางจิตมากกว่าผู้ชาย โดยโรควิตกกังวลและซึมเศร้าเป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดทั้งในผู้ชายและผู้หญิง

            • การฆ่าตัวตายยังเป็นผลลัพธ์ที่น่าเศร้า ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนมากกว่า 727,000 คน ในปี พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตสำคัญของคนหนุ่มสาวในทุกประเทศและทุกระดับเศรษฐกิจ แม้นานาประเทศจะพยายามแก้ไขปัญหานี้ ปัจจุบันอัตราการการฆ่าตัวตายก็ยังลดลงไม่เพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่กำหนดให้ลดลงหนึ่งในสามภายในปี พ.ศ. 2573 โดยคาดว่าจะลดลงได้เพียง 12%

            • ผลกระทบทางเศรษฐกิจของโรคทางจิตเวชนั้นรุนแรงมาก ไม่เพียงแต่ค่าใช้จ่ายในการรักษา แต่ค่าความเสียหายทางอ้อมซึ่งเกิดจากการเสียโอกาสนั้นนับเป็นมูลค่าที่มากกว่าหลายเท่า โดยพบว่าโรคซึมเศร้าและความวิตกกังวลเป็นเพียงสองกลุ่มโรค ที่สร้างความสูญเสียต่อเศรษฐกิจโลกถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

            • ข้อค้นพบดังกล่าวนี้ ทำให้เห็นความสำคัญและเร่งด่วนต่อการลงทุนด้านสุขภาพจิต ไปจนถึงการทำงานร่วมกับระหว่างภาคส่วนเพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษา การลดการตีตรา ไปจนถึงการกำจัต้นตอของโรคทางจิตเวช

ประเด็นสำคัญจากรายงาน Mental Health Atlas 2567

            • ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 หลายประเทศได้พัฒนานโยบายสุขภาพจิตที่มีความพร้อมมากขึ้น โดยเน้นแนวทางที่ยึดสิทธิมนุษยชน และเตรียมความพร้อมในการรับมือเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพ

            • อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปกฎหมายยังล่าช้า มีเพียง 45% ของประเทศที่ประเมินว่ากฎหมายด้านสุขภาพจิตสอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากลอย่างเต็มรูปแบบ

            • การลงทุนในสุขภาพจิตอยู่ในระดับต่ำ โดยรัฐบาลทั่วโลกใช้จ่ายด้านสุขภาพจิตเพียง 2% ของงบประมาณด้านสุขภาพ ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศเองก็ปรากฎอย่างชัดเจน โดยพบว่า ประเทศที่มีรายได้สูง ใช้จ่ายได้ถึง 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน ขณะที่ประเทศที่มีรายได้ต่ำ ใช้จ่ายเพียง 0.04 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน

            • ค่ามัธยฐานของจำนวนบุคลากรสุขภาพจิตทั่วโลกอยู่ที่ 13 คน ต่อประชากร 100,000 คน โดยซึ่งขาดแคลนอย่างมากในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง

            • ความก้าวหน้าในการปฏิรูปและพัฒนาการให้บริการด้านสุขภาพจิตนั้นเป็นไปอย่างช้า ๆ มีไม่ถึง 10% ของประเทศทั้งหมดที่มีการเปลี่ยนผ่านแบบเต็มรูปแบบ เป็นการให้บริการผ่านชุมชนเป็นฐาน ประเทศส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่าน ด้านการรักษารูปแบบผู้ป่วยในนั้นยังคงพึ่งพาโรงพยาบาลจิตเวชเป็นหลัก โดยเกือบครึ่งของการรับรักษาผู้ป่วยเกิดขึ้นโดยไม่สมัครใจ และกว่า 20% ต้องนอนรักษานานเกินหนึ่งปี

            • การบูรณาการสุขภาพจิตสู่ระบบปฐมภูมิมีความก้าวหน้า โดย 71% ของประเทศบรรลุเกณฑ์ของ WHO อย่างน้อย 3 ใน 5 ข้อ อย่างไรก็ตาม ฐานข้อมูลยังนับว่าเป็นปัญหา มีเพียงแค่ 22 ประเทศที่มีข้อมูลเพื่อประมาณการเข้าถึงการรักษาโรคกลุ่มจิตเภท ในประเทศที่มีรายได้ต่ำ มีผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับประเทศที่มีรายได้สูงซึ่งผู้ป่วยเข้าถึงการรักษามากกว่า 50% แสดงให้เห็นความสำคัญของการขยายบริการและการเข้าถึง

            • แต่ในด้านบวกแล้วประเทศส่วนใหญ่รายงานว่ามีมาตรการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ทำงานได้จริง เช่น โปรแกรมพัฒนาเด็กปฐมวัย การป้องกันการฆ่าตัวตายในโรงเรียน มากกว่า80% ของประเทศมีการสนับสนุนทางจิตสังคมในภาวะฉุกเฉิน โดยเพิ่มขึ้นจาก 39% ในปี พ.ศ. 2563 การให้บริการผู้ป่วยนอกและการใช้ระบบ tele ในการให้บริการนั้นก็มีเพิ่มมากขึ้น

ข้อเรียกร้องระดับโลกเพื่อเพิ่มการผลักดันด้านสุขภาพจิต

            แม้ว่าจะมีการพัฒนาในด้านบวกที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ตามเป้าหมายของแผนปฏิบัติการด้านสุขภาพจิตอย่างครอบคลุมของ WHO แต่อย่างใด

WHO เรียกร้องให้รัฐบาลและพันธมิตรระดับโลกเร่งรัดความพยายามในการปฏิรูประบบสุขภาพจิต อย่างเป็นระบบ โดยเน้นการดำเนินการดังนี้

            • การจัดสรรงบประมาณด้านสุขภาพจิตอย่างเท่าเทียม

            • การปฏิรูปกฎหมายและนโยบายให้สอดคล้องกับสิทธิมนุษยชน

            • การลงทุนระยะยาวในบุคลากรด้านสุขภาพจิต

            • การขยายบริการดูแลสุขภาพจิตที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและเน้นชุมชนเป็นฐาน

หมายเหตุสำหรับสื่อมวลชน

            World Mental Health Today ถือเป็นการปรับปรุงข้อมูลล่าสุดของบทว่าด้วยสถิติจากรายงานสุขภาพจิตโลก ค.ศ. 2022 เรื่อง Transforming Mental Health for All ซึ่งยังคงสะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูประบบสุขภาพจิตในระดับโลก รายงานฉบับใหม่นี้ได้รวบรวมข้อมูลทั่วโลกที่เป็นปัจจุบันที่สุด เกี่ยวกับความชุก ภาระทางสุขภาพ และต้นทุนทางเศรษฐกิจของภาวะความผิดปกติทางจิต

            การสำรวจ Mental Health Atlas ทำหน้าที่ประเมินสถานะของบริการและระบบสุขภาพจิตในระดับนานาชาติ โดยฉบับล่าสุดได้รวบรวมผลการสำรวจจาก 144 ประเทศ นับเป็นภาพสะท้อนที่ครอบคลุมที่สุดของการตอบสนองต่อความท้าทายด้านสุขภาพจิตผ่านการดำเนินนโยบาย กฎหมาย การจัดสรรงบประมาณ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล ตลอดจนความพร้อมและการใช้บริการ รวมถึงระบบการเก็บรวบรวมข้อมูล รายงานฉบับนี้ยังได้เพิ่มหัวข้อใหม่ว่าด้วย “สุขภาพจิตทางไกล (tele mental health)” และ “การเตรียมความพร้อมและการตอบสนองด้านสุขภาพจิตและการสนับสนุนทางจิตสังคมในภาวะฉุกเฉิน” ซึ่งสะท้อนถึงภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปของการดูแลสุขภาพจิต และชี้ให้เห็นช่องว่างของข้อมูลหรือความต้องการด้านสารสนเทศที่ยังคงมีอยู่

เอกสารอ้างอิง

            องค์การอนามัยโลก. (2025, 2 กันยายน). Over a billion people living with mental health conditions – services require urgent scale-up. สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2568 จาก https://www.who.int/news/item/02-09-2025-over-a-billion-people-living-with-mental-health-conditions-services-require-urgent-scale-up.

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้คุกกี้ (Cookie) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้
ยอมรับ
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ข้อกำหนดและเงื่อนไข